การจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
หลักการรวมอำนาจปกครอง
(Centralization)
เป็นหลักที่รวมอำนาจในการปกครองไว้ที่ส่วนกลาง ได้แก่ กระทรวง ทบวง กรม และใช้อำนาจปกครองโดยเจ้าหน้าที่ส่วนกลาง ตามลำดับการบังคับบัญชา
ลักษณะสำคัญของหลักการรวมอำนาจปกครอง
1.มีการรวมกำลังในการบังคับต่างๆ คือกำลังทหาร ตำรวจ ขึ้นต่อส่วนกลางทั้งสิ้น
2.มีการรวมคำวินิจฉัยสั่งการไว้ที่ส่วนกลาง
3.มีลำดับขั้นการบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่
การบังคับบัญชา คือ เจ้าหน้าที่ผู้มีตำแหน่งสูงมีอำนาจบังคับบัญชาเหนือเจ้าหน้าที่ผู้มีตำแหน่งรองซึ่งเป็นอำนาจที่ไม่มีเงื่อนไข[1]
อำนาจของผู้บังคับบัญชามี 4 ประการคือ
1.อำนาจออกคำสั่ง
2.อำนาจควบคุมกิจการ
3.อำนาจที่จะลงโทษทางวินัย
4.อำนาจที่จะให้บำเหน็จความดีความชอบ
การรวมอำนาจปกครองจำแนกออกเป็น 2 ประเภทคือ
1.การรวมศูนย์อำนาจปกครอง(Concentration) การปกครองแบบนี้อำนาจในการตัดสินใจอยู่ที่ส่วนกลางทั้งสิ้น ไม่มีการมอบอำนาจการตัดสินใจบางระดับบางเรื่องไปให้แก่เจ้าหน้าที่ของส่วนกลางที่ถูกส่งออกไปประจำอยู่ในภูมิภาค[2]
2.การกระจายศูนย์รวมอำนาจปกครอง หรือแบ่งอำนาจปกครอง(Deconcentration)
เป็นการที่ส่วนกลางได้มอบอำนาจการตัดสินใจให้คนของส่วนกลางที่ไปประจำยังภูมิภาค[3] ปกติการมอบอำนาจการตัดสินใจมีอยู่ 2 ลักษณะคือ
1.มอบอำนาจโดยทางกฎหมาย
เป็นการที่กฎหมายกำหนดไว้เลยว่าอำนาจหน้าที่นั้นๆอยู่กับเจ้าหน้าที่ส่วนภูมิภาค
2.การมอบอำนาจโดยส่วนกลาง
เป็นกรณีที่อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง เช่น อธิบดี(ส่วนกลาง) มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด(ส่วนภูมิภาค)
การแบ่งอำนาจเช่นนี้ยังอยู่ภายใต้อำนาจบังคับบัญชาของส่วนกลาง และการใช้อำนาจบังคับบัญชานี้จะต้องชอบด้วยกฎหมาย
การจัดระเบียบบริหารราชการบริหารส่วนภูมิภาคแบ่งออกเป็น
1.จังหวัด ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคล
2.อำเภอ ไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล
หลักการกระจายอำนาจปกครอง
(Decentralization)
เป็นการที่มอบอำนาจปกครองให้แก่องค์กรอื่นนอกจากส่วนกลาง โดยไม่ต้องขึ้นอยู่ในความบังคับบัญชา เพียงแต่ขึ้นอยู่ในความควบคุมกำกับเท่านั้น
การควบคุมกำกับนั้น องค์กรควบคุมกำกับไม่มีอำนาจสั่งการให้องค์กรภายใต้การควบคุมกำกับปฏิบัติ การตามที่เห็นสมควร เพียงแต่ควบคุมให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นอำนาจที่มีเงื่อนไข[4]
ลักษณะสำคัญของหลักการกระจายอำนาจ
1.มีองค์การซึ่งเป็นนิติบุคคลแยกไปต่างหากจากราชการบริหารส่วนกลาง
2.เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานขององค์การไม่ขึ้นกับการบังคับบัญชาของส่วนกลาง
3.องค์การมีความเป็นอิสระในการดำเนินการ
จากหลักการปกครองแบบกระจายอำนาจ นำไปสู่การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการกระจายอำนาจทางพื้นที่
องค์ประกอบของการปกครองท้องถิ่นมีดังนี้
1.มีพื้นที่รับผิดชอบชัดเจน
2.มีฐานะเป็นนิติบุคคล
3.มีองค์กรเป็นของตนเอง
4.มีกิจการเกี่ยวข้องกับประโยชน์ของตนเอง
5.มีการกำกับดูแลจากรัฐ
การจัดระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่นปัจจุบันมีอยู่ 2 ระบบคือ
1.ระบบทั่วไป คือ เทศบาล สุขาภิบาล องค์การบริหารส่วนตำบล และองค์การบริหารส่วนจังหวัด
2.ระบบพิเศษ คือ กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา
รัฐธรรมนูญได้บัญญัติเรื่องการปกครองส่วนท้องถิ่นไว้ในมาตรา 282-290 ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1.ความเป็นอิสระ มาตรา282 รัฐจะต้องให้ความเป็นอิสระแก่องค์กรปกครองท้องถิ่นตามหลักการกระจายอำนาจ
2.โครงสร้างขององค์กรปกครองท้องถิ่น มาตรา285 องค์กรท้องถิ่นต้องประกอบด้วยสภาท้องถิ่นและคณะผู้บริหารหรือผู้บริหารท้อง ถิ่น และให้สมาชิกสภาท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง ส่วนคณะผู้บริหารหรือผู้บริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของ ประชาชนหรือมาจากความเห็นชอบของสภาท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่นและคณะผู้บริหารหรือผู้บริหารท้องถิ่นมีวาระดำรงตำแหน่ง คราวละ4ปี
3.อำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองท้องถิ่น มาตรา289 หน้าที่บำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น
มาตรา290 การจัดการบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่และนอกพื้นที่ เฉพาะกรณีที่อาจมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่
4.รายได้ขององค์กรส่วนท้องถิ่น มาตรา284 ให้มีการจัดเก็บภาษีและอากรระหว่างรัฐกับองค์กรส่วนท้องถิ่นและระหว่างองค์กรส่วนท้องถิ่นด้วยกัน
5.การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาตรา288 การแต่งตั้งพนักงานและลูกจ้างขององค์การบริหารส่วนท้องถิ่นพ้นจากตำแหน่ง ต้องเป็นไปตามความต้องการและเหมาะสม และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพนักงานส่วนท้องถิ่น ส่วนการโยกย้าย เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือน และการลงโทษพนักงานและลูกจ้างต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ[5]
6.การมีส่วนร่วมของประชาชน มาตรา286และมาตรา287 ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า3ใน4 สามารถถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นได้ และผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งมีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธาน สภาท้องถิ่นเพื่อให้สภาพิจารณาข้อบัญญัติท้องถิ่นได้
7.การกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาตรา283 การกำกับดูแลท้องถิ่นจะต้องทำเท่าที่จำเป็นตามที่กฎหมายบัญญัติ และเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของท้องถิ่นหรือประโยชน์ของประเทศส่วนรวม
สรุป รัฐธรรมนูญได้บัญญัติถึงสาระสำคัญต่างๆเกี่ยวกับการกระจายอำนาจ ดังนั้นการดำเนินการของส่วนราชการหรือส่วนภูมิภาคต้องสอดคล้องกับบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญด้วย
[1] ดร.ชาญชัย แสวงศักดิ์, คำอธิบายกฎหมายปกครอง, พิมพ์ครั้งที่ 16, (กรุงเทพฯ : บริษัท สำนักพิมพ์วิญญูชน จำกัด, 2553), หน้า 125.
[2] ดร.วรพจน์ วิศรุตพิชญ์, หลักการพื้นฐานของกฎหมายปกครอง, (กรุงเทพฯ : บริษัท ธรรมสาร จำกัด, 2538), หน้า 99.
[3] ดร.วรพจน์ วิศรุตพิชญ์, หลักการพื้นฐานของกฎหมายปกครอง, (กรุงเทพฯ : บริษัท ธรรมสาร จำกัด, 2538), หน้า 100.
[4] ประยูร กาญจนดุล, คำบรรยายกฎหมายปกครอง, พิมพ์ครั้งที่ 4, (กรุงเทพฯ : บริษัท สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538), หน้า 179.
[5] ประยูร กาญจนดุล, คำบรรยายกฎหมายปกครอง, พิมพ์ครั้งที่ 4, (กรุงเทพฯ : บริษัท สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538), หน้า 182.
บรรณานุกรม
ชาญชัย แสวงศักดิ์,ดร. คำอธิบายกฎหมายปกครอง. พิมพ์ครั้งที่16. กรุงเทพฯ : วิญญูชน, 2553.
ชาญชัย แสวงศักดิ์,ดร. คำอธิบายกฎหมายปกครอง. พิมพ์ครั้งที่16. กรุงเทพฯ : วิญญูชน, 2553.
วรพจน์ วิศรุตพิชญ์,ดร. หลักการพื้นฐานของกฎหมายปกครอง. กรุงเทพฯ : ธรรมสาร, 2538.
ประยูร กาญจนดุล. คำบรรยายกฎหมายปกครอง. พิมพ์ครั้งที่4. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538.
ประยูร กาญจนดุล. คำบรรยายกฎหมายปกครอง. พิมพ์ครั้งที่4. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538.
กมลชัย รัตนสกาววงศ์,รศ. กฎหมายปกครอง. พิมพ์ครั้งที่7. กรุงเทพฯ : วิญญูชน, 2553.
กฎหมายปกครอง. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.lawsiam.com/?name=webboard&file=read&id=1070. (วันที่ค้นข้อมูล : 30 กรกฎาคม 2554).