การควบคุมฝ่ายบริหารแบ่งออกเป็น 2 วิธีคือ
1.การควบคุมทางการเมือง เป็นการควบคุมโดยตั้งกระทู้ถามในสภา2.การควบคุมโดยวิธีอื่น แบ่งออกเป็น 4 วิธี
2.1 การร้องเรียนภายในต่อฝ่ายบริหาร
2.2 วิธีการในลักษณะกึ่งข้อพิพาท
2.3 วิธีในลักษณะข้อพิพาท หรือการควบคุมโดยศาล
2.4 วิธีควบคุมแบบผสม(ออมบุดส์แมนและสำนักงานอัยการของโซเวียต)
2.1 การร้องเรียนภายในต่อฝ่ายบริหาร
ได้แก่ การร้องเรียนต่อฝ่ายบริหาร ซึ่งอาจกระทำด้วยวาจาหรือเดินขบวนมาร้องเรียนต่อฝ่ายบริหาร ซึ่งไม่มีวิธีการแน่นอนและไม่มีการรับฟ้องในลักษณะที่เป็นคดีหรือข้อพิพาท[1]
การร้องเรียนภายในต่อฝ่ายบริหารนี้ อาจร้องเรียนต่อผู้สั่งการหรือดำเนินการให้ทบทวนข้อเท็จจริงและข้อวินิจฉัย ของตนเสียใหม่ หรือร้องเรียนต่อผู้ที่รับผิดชอบในระดับที่สูงกว่า
2.2 วิธีการในลักษณะกึ่งข้อพิพาท
เป็น การควบคุมโดยมีเจ้าหน้าที่หรือคณะกรรมการเป็นผู้วินิจฉัยในลักษณะข้อพิพาท แต่ไม่ใช่ศาล วิธีพิจารณานั้น เป็นต้นว่ามีการรับฟังพยาน หรือมีการสอบสวนให้ความเห็นโดยเจ้าหน้าที่ผู้เป็นกลาง ถ้าผู้ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัย กฎหมายก็เปิดโอกาสให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลยุติธรรมได้
2.3 วิธีในลักษณะข้อพิพาท หรือการควบคุมโดยศาล
การควบคุมในลักษณะข้อพิพาทจะมีคู่กรณี 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้บริหารอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เสียหาย โดยมีศาลเป็นองค์กรกลาง
การ ควบคุมโดยวิธีนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพในการควบคุมดุลพินิจของฝ่ายบริหาร แต่โดยหลักแล้วศาลไม่อาจจะพิจารณาไปไกลจนถึงกับควบคุม "ดุลพินิจแท้จริง" ของฝ่ายบริหารได้[2]
การควบคุมฝ่ายปกครองโดยศาลมี 2 ระบบคือ
1.ระบบศาลเดี่ยว โดยใช้ศาลยุติธรรมพิจารณาคดีทั้งปวงรวมทั้งคดีทางปกครองด้วย โดยใช้หลักกฎหมายเอกชนหรือที่เรียกว่าระบบกล่าวหาซึ่งภาระในการพิสูจน์ตก อยู่แก่คู่ความฝ่ายที่กล่าวอ้างและมีความยุ่งยากและสลับซับซ้อน ล่าช้าในการพิจารณา ระบบศาลเดี่ยวนี้วิวัฒนาการมาจากประเทศที่ใช้กฎหมายCommon Law เช่น ประเทศอังกฤษ[3]
2.ระบบศาลคู่ ซึ่งมีศาลพิเศษแยกจากศาลยุติธรรม การควบคุมฝ่ายปกครองจะไม่ขึ้นอยู่กับศาลยุติธรรม แต่จะขึ้นอยู่กับศาลปกครองซึ่งใช้ระบบไต่สวนที่ศาลปกครองจะแสวงหาข้อเท็จ จริงเองทำให้การพิจารณารวดเร็วและประหยัด ระบบศาลคู่วิวัฒนาการมาจากประเทศฝรั่งเศส[4]
กระบวนการพิจารณาคดีของศาลปกครองฝรั่งเศสแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนคือ
ขั้นแรก จะมีการหาพยานหลักฐานทั้งหมดและสรุปยอดสำนวนเพื่อส่งให้ตุลาการพิจารณา
ขั้นที่สอง ตุลาการศาลปกครองจะจัดทำสรุปข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย พร้อมทั้งความเห็นของตนและมาชี้แจงต่อองค์คณะพิจารณาพิพากษา
ขั้นที่สาม ประชุมออกเสียงคณะผู้พิพากษา และในการออกเสียงนี้จะออกไปในทางเสียงเดียวคือจะไม่มีความเห็นแย้ง
วิธีพิจารณาคดีปกครองของไทย
ตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับระบบไต่สวนไว้เช่นกัน
1.มาตรา 55 วรรค 3 ในการพิจารณาคดี ศาลปกครองอาจตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงได้ตามความเหมาะสม
2.มาตรา 56 วรรค 2 เมื่อได้รับสำนวนคดีแล้วให้แต่งตั้งตุลาการศาลปกครองคนหนึ่งเป็นเจ้าของ สำนวน เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงจากคำฟ้อง คำชี้แจงของคู่กรณีและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
3.มาตรา 58 วรรคแรก ก่อนนั่งพิจารณาให้ตุลาการเจ้าของสำนวนส่งมอบสำนวนคดีให้ผู้แถลงคดีปกครองพิจารณา
4.มาตรา 67 การทำคำพิพากษาหรือคำสั่งจะต้องบังคับตามความเห็นของฝ่ายข้างมาก และผู้ใดมีความเห็นแย้งให้ทำความเห็นแย้งไว้ในคำพิพากษาหรือคำสั่ง
จะเห็นว่ากระบวนการพิจารณาของศาลปกครองฝรั่งเศสและไทยมีความคล้ายคลึงกันมากจะแตกต่างกันที่อนุญาตให้ทำความเห็นแย้งได้
2.4 วิธีควบคุมแบบผสม(ออมบุดส์แมนและสำนักงานอัยการของโซเวียต)
เป็น การควบคุมโดยองค์กรที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐสภา มีวิธีควบคุมโดยใช้วิธีทางบริหารและศาลผสมกัน ซึ่งมีองค์กรที่สำคัญอยู่ 2 องค์กรคือ ออมบุดส์แมนและสำนักงานอัยการสูงสุดของสหภาพโซเวียต
ออมบุดส์แมน
ออม บุดส์แมนเป็นองค์กรที่ควบคุมฝ่ายบริหารโดยอ้างอิงองค์กรนิติบัญญัติ มีการจัดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศสวีเดน โดยออมบุดส์แมนนั้นจะได้รับเลือกจากรัฐสภา[5]
คุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับคัดเลือกได้บัญญัติไว้กว้างๆแต่โดยทั่วไปจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากทุกๆพรรคการเมือง
เมื่อออมบุดส์แมนได้รับทราบข้อมูลเองหรือจากการร้องเรียนเมื่อพบว่ามีการ ปฏิบัติไม่ถูกต้อง ก็มีอำนาจตักเตือนหรืออาจให้คำแนะนำ แต่ไม่มีอำนาจวินิจฉัยสั่งการหรือตัดสิน
ออมบุดส์แมนมีหน้าที่จะต้องจัดพิมพ์เผยแพร่รายงานประจำปีต่อรัฐสภา ซึ่งกรณีนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นเครื่องมือกดดันอีกประการหนึ่งด้วย
[1] ดร.ชาญชัย แสวงศักดิ์, คำอธิบายกฎหมายปกครอง, พิมพ์ครั้งที่ 16, (กรุงเทพฯ : บริษัท สำนักพิมพ์วิญญูชน จำกัด, 2553), หน้า 293.
[2] รศ.กมลชัย รัตนสกาววงศ์, กฎหมายปกครอง, พิมพ์ครั้งที่ 7, (กรุงเทพฯ : บริษัท สำนักพิมพ์วิญญูชน จำกัด, 2553), หน้า 247.
[3] รศ.กมลชัย รัตนสกาววงศ์, กฎหมายปกครอง, พิมพ์ครั้งที่ 7, (กรุงเทพฯ : บริษัท สำนักพิมพ์วิญญูชน จำกัด, 2553), หน้า 248.
[4] รศ.กมลชัย รัตนสกาววงศ์, กฎหมายปกครอง, พิมพ์ครั้งที่ 7, (กรุงเทพฯ : บริษัท สำนักพิมพ์วิญญูชน จำกัด, 2553), หน้า 248.
[5] ประยูร กาญจนดุล, คำบรรยายกฎหมายปกครอง, พิมพ์ครั้งที่ 4, (กรุงเทพฯ : บริษัท สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538), หน้า 44.
บรรณานุกรม
ชาญชัย แสวงศักดิ์,ดร. คำอธิบายกฎหมายปกครอง. พิมพ์ครั้งที่16. กรุงเทพฯ : วิญญูชน, 2553.
วรพจน์ วิศรุตพิชญ์,ดร. หลักการพื้นฐานของกฎหมายปกครอง. กรุงเทพฯ : ธรรมสาร, 2538.
ประยูร กาญจนดุล. คำบรรยายกฎหมายปกครอง. พิมพ์ครั้งที่4. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538.
ประยูร กาญจนดุล. คำบรรยายกฎหมายปกครอง. พิมพ์ครั้งที่4. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2538.
กมลชัย รัตนสกาววงศ์,รศ. กฎหมายปกครอง. พิมพ์ครั้งที่7. กรุงเทพฯ : วิญญูชน, 2553.
กฎหมายปกครอง. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : http://www.lawsiam.com/?name=webboard&file=read&id=1070. (วันที่ค้นข้อมูล : 30 กรกฎาคม 2554).